ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เทคโนโลยีซัพพลายเชนคืออะไร

เทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานเป็นเหมือนฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ที่ทำให้กระบวนการห่วงโซ่อุปทานมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ มากมายที่จัดว่าเป็นเทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่อุปกรณ์ที่จับต้องได้ เช่น หุ่นยนต์และอุปกรณ์ที่ใช้เซ็นเซอร์ ไปจนถึงซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของข้อมูล ทำนายแนวโน้ม เชื่อมต่อระบบ ปรับปรุงโลจิสติกส์ หรือจัดการสินค้าคงคลัง การผสานรวมเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับแต่ละ "ข้อต่อ" ของห่วงโซ่อุปทานนั้นสามารถเพิ่มความเร็วในการผลิตและการจัดส่งได้ พร้อมทั้งช่วยลดการหยุดชะงักที่เพิ่มค่าใช้จ่าย

เทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานเริ่มเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจมานานก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการหยุดชะงักในปี 2020 แต่ความท้าทายที่ไม่มีใครต้องการในช่วงเวลานั้นทำให้ประโยชน์ของนวัตกรรมห่วงโซ่อุปทานกลายเป็นจุดสนใจที่เด่นชัดยิ่งขึ้น ความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องที่บริษัทต้องเผชิญคือ ความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ระดับโลกที่คาดเดาไม่ได้ เช่น ข้อจำกัดทางภูมิรัฐศาสตร์และเหตุฉุกเฉินด้านสภาพอากาศ และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่ทำให้การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น การจัดการซัพพลายเชน เต็มไปด้วยความซับซ้อนเสมอมา แต่ไม่เคยมีมาก่อนที่ธุรกิจต่างๆ จะถูกคาดหวังให้ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้

เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน สิ่งสำคัญคือ ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด เทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานแบบใหม่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ มีความสามารถในการสร้างกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปพร้อมๆ กับการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น และคว้าโอกาสในการปรับขนาดหรือเปลี่ยนทิศทาง

1. การใช้หุ่นยนต์เพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้น

หุ่นยนต์ถูกนำมาใช้ในการผลิตทางอุตสาหกรรมมานานหลายทศวรรษแล้ว ทั้งยังถูกนำมาใช้ในคลังสินค้า ศูนย์ปฏิบัติตาม และศูนย์กระจายสินค้ามากขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการทางธุรกิจที่เกิดจากต้นทุนและการขาดแคลนด้านแรงงานที่เพิ่มขึ้น ไม่ต้องพูดถึงความคาดหวังของผู้บริโภคที่ต้องการให้สินค้ามีในสต็อกตลอดเวลาและต้องมีการจัดส่งที่รวดเร็ว กำลังได้รับการตอบสนองจากความก้าวหน้าของวิทยาการหุ่นยนต์ วิทยาการหุ่นยนต์สามารถเพิ่มความเร็วในการเติมสินค้าได้อย่างมาก ทำให้พนักงานไม่ต้องทำงานซ้ำซ้อนและทำงานอย่างมีกลยุทธ์มากขึ้น

นวัตกรรมด้านห่วงโซ่อุปทานอย่างหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมคือ หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน หรือที่เรียกกันว่า “โคบอท” ด้วยความช่วยเหลือของ AI และการเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่อง โคบอทจึงมีความซับซ้อนมากพอที่จะหยิบและบรรจุสินค้าตามคำสั่งซื้อได้อย่างปลอดภัยควบคู่ไปกับมนุษย์ ช่วยทำงานต่างๆ ยกของหนัก และดึงสินค้าจากทางเดินในคลังสินค้าขนาดใหญ่ เป็นที่ทราบกันดีว่าโคบอทไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิผลในการทำงานเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ และทำให้สถานที่ทำงานปลอดภัยยิ่งขึ้น

2. การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลโดยใช้ AI และการวิเคราะห์ขั้นสูง

วิทยาศาสตร์ข้อมูลมีบทบาทสำคัญในเทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานขั้นสูง ในทุกจุดตามห่วงโซ่อุปทานที่มีความซับซ้อน จะมีจุดข้อมูลจำนวนมากที่พร้อมสำหรับการเก็บรวบรวม หากคุณมี AI และการวิเคราะห์ขั้นสูง คุณจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจข้อมูลนั้นและใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ของคุณ

AI และการวิเคราะห์ขั้นสูงจะทำงานอยู่ในเบื้องหลังเพื่อเจาะข้อมูลขนาดใหญ่โดยใช้อัลกอริทึมและวิธีการเชิงคาดการณ์ ดังนั้น ผู้ใช้ห่วงโซ่อุปทานจึงสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและรู้ทันในกรณีของการหยุดชะงัก ตัวอย่างเช่น ข้อมูลเชิงลึกของซัพพลายเชน ประเภทนี้สามารถช่วยธุรกิจในเชิงรุกเพื่อการปรับขนาดสินค้าคงคลัง โดยคาดว่าจะมีความต้องการสูงในช่วงเวลาหนึ่ง หรือแก้ไขแผนการจัดส่งหลังจากเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ แอปพลิเคชันจำนวนมากมีเครื่องมือสำหรับการจัดรูปแบบการแสดงข้อมูลที่จะแปลงข้อมูลที่ได้จาก AI ให้กลายเป็นกราฟและแผนภูมิที่อ่านง่าย เพื่อที่พนักงานจะได้ใช้เวลาในการตีความน้อยลง

3. การขับเคลื่อนประสิทธิภาพด้วยระบบอัตโนมัติ

ระบบอัตโนมัติในห่วงโซ่อุปทานเป็นตัวขับเคลื่อนประสิทธิภาพและความรวดเร็ว ระบบอัตโนมัติช่วยประหยัดเวลาในการทำงานและลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานของคน ทั้งยังดำเนินการได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ

งานด้านห่วงโซ่อุปทานหลายอย่างสามารถทำโดยอัตโนมัติได้เพื่อประหยัดเวลาและพลังงานของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น กระบวนการห่วงโซ่อุปทานแบบอัตโนมัติสามารถนำข้อมูลจากใบสั่งซื้อไปเติมในใบแจ้งหนี้ได้ ส่งการยืนยันคำสั่งซื้อและข้อมูลการติดตามคำสั่งซื้อให้กับลูกค้าได้ คำนวณเส้นทางและผู้ให้บริการจัดส่งที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับการจัดส่งได้ หรือส่งสัญญาณให้พนักงานเติมสินค้าคงคลังที่มีสต็อกต่ำได้ นี่คือพื้นที่ของการพัฒนาลอจิสติกส์และเทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้

4. การสร้างระบบไอทีที่ไม่ซับซ้อนและประกอบได้

ความสามารถในการประกอบเป็นแนวโน้มของเทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ซอฟต์แวร์แบบโมดูลาร์ที่มีลักษณะเป็นเหมือน “บิวล์ดิงบล็อก” เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างระบบเพื่อเพิ่มความสามารถในการมองเห็นภาพรวมการดำเนินงานภายในห่วงโซ่อุปทาน โซลูชันที่ประกอบได้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่มีภูมิทัศน์ด้านไอทีที่แผ่กว้าง

ความสามารถในการประกอบจะผสานรวมระบบต่างๆ ที่ไม่เชื่อมต่อกัน เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่คุณใช้อยู่แล้วในทุกๆ วัน จึงเป็นวิธีที่ประหยัดต้นทุนในการดูภาพรวมของการดำเนินงานภายในห่วงโซ่อุปทานของคุณ อันที่จริงจะดูภาพรวมทั้งหมดทั้งมวลก็ยังได้

5. รวบรวมข้อมูลทุกจุดโดยใช้อุปกรณ์อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT)

Wi-Fi และบลูทูธเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้สามารถใช้อุปกรณ์ IoT เป็นเครื่องมือทางเทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญได้ อุปกรณ์ IoT เป็นวัตถุที่มีการติดตั้งเซ็นเซอร์เอาไว้ เช่น สถานีคลังสินค้า ตู้คอนเทนเนอร์ขนส่ง และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ส่งข้อมูลไปยังบุคคลที่จำเป็นต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

อุปกรณ์ IoT สามารถติดตามข้อมูลได้ เช่น ตำแหน่งและสภาพของสินค้า สภาพอากาศ และการจราจรแบบเรียลไทม์ เพื่อตรวจสอบสินทรัพย์และทรัพยากรของคุณ และลดปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

6. การสำรวจที่ใช้เงื่อนไข "จะเกิดอะไรขึ้นถ้า" กับฝาแฝดซัพพลายเชนดิจิทัลและหอควบคุม

มีธุรกิจจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังเพิ่มสิ่งที่เรียกว่าฝาแฝดดิจิทัลเข้าไปในทรัพยากรเทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานของตน ฝาแฝด ซัพพลายเชนดิจิทัล เป็นสภาพแวดล้อมแบบเสมือนจริงที่จะดึงข้อมูลจากห่วงโซ่อุปทานจริงๆ ของคุณ เพื่อให้สามารถทำการจำลองแบบเพื่อปรับปรุงการตัดสินใจของคุณได้ ฝาแฝดดิจิทัลสามารถช่วยให้คุณเห็นวิธีในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ พร้อมกับค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาที่รวดเร็วและประหยัด

หอควบคุมยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถช่วยคุณได้ในสถานการณ์สมมติ "จะเกิดอะไรขึ้นถ้า" หอควบคุมเป็นแดชบอร์ดที่รวบรวมข้อมูลสำคัญ ตัวชี้วัด และเหตุการณ์ต่างๆ เอาไว้ เพื่อให้คุณมองเห็นได้แบบเรียลไทม์ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นนวัตกรรมห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญในการปรับปรุงและปกป้องการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ การประสานงานด้านการจัดหา สินค้าคงคลัง และการเติมสินค้า

7. การใช้บล็อกเชนเพื่อบันทึกการแลกเปลี่ยนสินค้า

บล็อกเชนอาจดูเหมือนกับเป็นเทรนด์เทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานที่เหนือความคาดหมาย คุณอาจคุ้นเคยกับคำว่าบล็อกเชนในบริบทของคริปโตเคอร์เรนซี แต่บล็อกเชนนั้นเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากเพราะเป็นตัวที่สร้างบันทึกทรานแซคชันที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ซึ่งสามารถช่วยให้การแลกเปลี่ยนสินค้าเป็นกระบวนการที่น่าเชื่อถือมากขึ้น

การสร้างความโปร่งใสเกี่ยวกับต้นทางและการเดินทางของสินค้าและวัสดุมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ หน่วยงานภาครัฐจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัทต่างๆ ปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือไม่ และบริษัทต่างๆ ต้องการสร้างเครือข่ายซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังให้ความสนใจเกี่ยวกับแหล่งที่มาและความยั่งยืนของสินค้าที่พวกเขาซื้อมากขึ้น ทำให้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นการลงทุนที่มองการณ์ไกล

คาดการณ์ความต้องการได้แม่นยำยิ่งขึ้น

การคาดการณ์ความต้องการแบบเดิมๆ นั้นจะเป็นเรื่องของการดูข้อมูลการขายที่ผ่านมา การคาดเดาจากการศึกษา และได้แต่หวังว่าจะได้สิ่งที่ดีที่สุด ใช้เทคโนโลยีที่มีระบบ AI เพื่อลดการคาดเดาและความเสี่ยงในเวลาเดียวกัน การมองเห็นกิจกรรมต้นทางและปลายทางได้แบบเรียลไทม์และเชื่อมต่อกับปัจจัยภายนอกต่างๆ เช่น สภาพอากาศ เหตุการณ์ปัจจุบัน และบทวิจารณ์ของลูกค้า จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการ หลีกเลี่ยงการสูญเสียกำไรโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคาดการณ์เพื่อปัญหาสินค้าหมดสต็อก เติมสินค้าได้ตรงเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพระดับสินค้าคงคลังในคลังสินค้า

เปิดใช้งานโลจิสติกส์และการจัดส่งตามความต้องการ

ไม่ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณจะเป็นอะไรก็ตาม ความรวดเร็วเป็นกุญแจสู่ประสบการณ์ที่ดีสำหรับลูกค้า เทคโนโลห่วงโซ่อุปทานแบบใหม่สามารถจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ตามกำหนด ใช้หุ่นยนต์และเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติในธุรกิจของคุณ เพื่อดำเนินการตามคำสั่งซื้อและส่งมอบผลิตภัณฑ์ของคุณอย่างรวดเร็วและประหยัดที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวัง

ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อ

การค้นหาวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายในทุกจุดของห่วงโซ่อุปทานนั้นเคยเป็นงานที่ต้องใช้แรงงานมาก แต่บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานขั้นสูงจะได้เปรียบตรงที่ AI ทำงานในเบื้องหลังเพื่อคำนวณตัวเลขและข้อมูลที่ซับซ้อน ใช้ซอฟต์แวร์ที่มีระบบ AI ที่เชื่อมโยงกับแค็ตตาล็อกและพอร์ทัลสำหรับการทำงานร่วมกันของผู้จัดจำหน่าย เพื่อประหยัดเงินและตัดสินใจจัดซื้อได้อย่างรวดเร็ว

ตรวจสอบการดําเนินงานแบบเรียลไทม์

ด้วยความช่วยเหลือของ IoT ที่มีระบบเซ็นเซอร์ ข้อมูลอุปสงค์และอุปทานสามารถหลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจของคุณได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าความผันผวนจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงใด เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของคุณให้สูงสุดและสร้างความยืดหยุ่นด้วยเทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ที่ตอบสนองต่อความท้าทายโดยอัตโนมัติ

วิธีการใช้เทคโนโลซัพพลายเชนแบบใหม่

ห่วงโซ่อุปทานของคุณจะไม่เกิดความล่าช้าในขณะที่คุณนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ ดังนั้น การเลือกโซลูชันที่ปรับใช้ได้อย่างรวดเร็วและจะสามารถใช้ร่วมกับระบบที่คุณมีอยู่แล้วได้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เริ่มต้นโดย:

  • ทีมต่างๆ ทำงานร่วมกันเพื่อระบุว่าส่วนใดของการดำเนินงานของคุณต้องการความสามารถใหม่ๆ ที่สำคัญ
  • จัดลำดับความสำคัญของนวัตกรรมซัพพลายเชนแบบใหม่แต่ละรายการที่คุณต้องการและทำการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจจะดำเนินต่อไปได้
  • พิจารณาใช้โซลูชันสำเร็จรูปที่ไม่ต้องเขียนโค้ดเอง
  • เลือกอินเทอร์เฟซแบบ low-code หรือไม่มีโค้ดบนระบบคลาวด์ที่จะช่วยให้คุณรวมข้อมูลของคุณไว้ในที่เดียวได้
  • ใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ที่ใช้ระบบ AI การเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่อง และความสามารถด้านการทำงานอัตโนมัติที่ใหม่ล่าในตลาด

ทำให้การปรับใช้เทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานแบบใหม่ของคุณง่ายขึ้นและคุ้มทุนมากขึ้นด้วยการนำ Microsoft Dynamics 365 มาใช้ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นด้วยแพลตฟอร์มแบบโมดูลาร์ที่รวมเข้ากับระบบที่คุณใช้อยู่ในขณะนี้ ด้วย Dynamics 365 Supply Chain Management คุณจะมีความคล่องตัวและสามารถมองเห็นภาพรวมการดำเนินงานทั้งหมดได้แบบเรียลไทม์ คุณจะได้สามารถเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะตามมาในอนาคตได้

คำถามที่พบบ่อย

เทคโนโลยีล่าสุดในการจัดการซัพพลายเชนคืออะไร

เทคโนโลยีล่าสุดใน การจัดการซัพพลายเชน ได้แก่ IoT ที่มีระบบเซ็นเซอร์, หุ่นยนต์, AI และการวิเคราะห์ขั้นสูง, เวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ, ฝาแฝดดิจิทัล, หอควบคุม, บล็อกเชน และโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ประกอบได้ นวัตกรรมห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดเหล่านี้กำลังก่อให้เกิดประสิทธิภาพแบบใหม่ๆ ที่น่าทึ่งในหลากหลายอุตสาหกรรม

เทคโนโลยีซัพพลายเชนใช้ทำอะไร

เทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานถูกนำมาใช้เพื่อให้มองเห็นการดำเนินงาน สินค้าคงคลัง และความต้องการแบบเรียลไทม์ รวมไปถึงปรับปรุงกระบวนการในหลายๆ ด้านของธุรกิจสาขาต่างๆ ทั้งยังสามารถช่วยให้ธุรกิจดำเนินการได้อย่างรวดเร็วตามสัญญาณจากซัพพลายเออร์ ลูกค้า และโลกภายนอก เพื่อลดการหยุดชะงักที่มีค่าใช้จ่ายสูง

เทคโนโลยีซัพพลายเชนที่เกิดขึ้นใหม่คืออะไร

เทคโนโลยีซัพพลายเชนที่เกิดขึ้นใหม่นั้นมุ่งเน้นไปที่การใช้ความสามารถที่มีการพัฒนาขั้นสูง เช่น AI, หุ่นยนต์, ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ และ IoT เพื่อทำให้ง่ายขึ้นในการลดอุปสรรคด้านซัพพลายเชน เพื่อการจัดส่งที่รวดเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการการผลิตและการเติมสินค้า

อนาคตของอุตสาหกรรมซัพพลายเชนจะเป็นอย่างไร

อนาคตของอุตสาหกรรมห่วงโซ่อุปทานจะขึ้นอยู่กับความรวดเร็วและความคล่องตัวทางธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของผู้บริโภค เทคโนโลยีสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานจะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพใหม่ๆ ในกิจกรรมทางธุรกิจ ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป

เทคโนโลยีจะปรับปรุงซัพพลายเชนอย่างไร

เทคโนโลยีจะปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานได้โดยทำให้ธุรกิจต่างๆ มองเห็นข้อมูลทั้งหมดได้ดีขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมที่สุด และทำให้กระบวนการต่างๆ เป็นไปโดยอัตโนมัติ ทำให้พนักงานไม่ต้องเสียเวลาทำงานที่ไม่ค่อยสำคัญและอาจผิดพลาดได้ง่าย เทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานแบบใหม่ยังช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในด้านความพร้อมของผลิตภัณฑ์ คุณภาพ และการจัดส่งได้ด้วย